เจ้าของบ้านหลายคนสงสัยว่าการติดตั้งเครื่องระบายอากาศแบบ Heat Recovery Ventilator (HRV) หรือระบบระบายอากาศแบบ Fresh Air Ventilation จะทำให้ค่าไฟฟ้าทำความร้อนสูงขึ้นหรือไม่ คำตอบสั้นๆ คือ ไม่จำเป็นเสมอไป อันที่จริง ระบบเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมภายในอาคารให้มีสุขภาพดี
เมื่อมองแวบแรก แนวคิดการนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามาหมุนเวียนในช่วงฤดูหนาวอาจดูขัดกับสัญชาตญาณ เพราะโดยทั่วไปแล้ว อากาศเย็นภายนอกอาคารมักต้องการความร้อนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเครื่องระบายอากาศแบบกู้คืนพลังงาน (ERV)ได้รับการออกแบบมาเพื่อดักจับความร้อนจากอากาศเสียที่ไหลออกและถ่ายโอนไปยังอากาศบริสุทธิ์ที่ไหลเข้ามา กระบวนการนี้เรียกว่าการนำความร้อนกลับคืน (Heat Recovery) ซึ่งช่วยลดพลังงานที่จำเป็นในการทำให้อากาศที่ไหลเข้ามาอุ่นขึ้นได้อย่างมาก ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำความร้อนให้เหลือน้อยที่สุด
ผู้ที่ไม่เชื่อมั่นบางคนแย้งว่าระบบระบายอากาศใดๆ ก็ตามย่อมทำให้การใช้พลังงานเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ว่าระบบระบายอากาศแบบ HRV และ ERV ใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำงานพัดลม แต่การประหยัดในระยะยาวมักจะคุ้มค่ากว่าต้นทุนนี้ การรักษาการไหลเวียนของอากาศบริสุทธิ์ให้สม่ำเสมอ ระบบเหล่านี้ช่วยป้องกันการสะสมของความชื้นและการเจริญเติบโตของเชื้อรา ซึ่งอาจทำให้ฉนวนเสียหายและต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการซ่อมแซม
ยิ่งไปกว่านั้น ประโยชน์ของการระบายอากาศบริสุทธิ์ยังมีมากกว่าแค่ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน คุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดีขึ้นช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาระบบทางเดินหายใจและเพิ่มความสบาย ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้อบอุ่นได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด เมื่อใช้ร่วมกับเทอร์โมสตัทอัจฉริยะ เครื่องระบายอากาศแบบประหยัดพลังงาน (Energy Recovery Ventilators) จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้มากยิ่งขึ้น โดยการปรับอัตราการระบายอากาศตามสภาพการใช้งานและสภาพแวดล้อมภายนอก
สรุปแล้ว แม้ว่าระบบ HRV และระบบระบายอากาศบริสุทธิ์จะเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน แต่บทบาทของระบบเหล่านี้ในการรักษาความร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคารทำให้ระบบเหล่านี้ถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดสำหรับเจ้าของบ้านที่ใส่ใจเรื่องต้นทุน
เวลาโพสต์: 23 เม.ย. 2568